บ้านเราไปเที่ยวดาษดามาหลายครั้งแล้ว ไปช่วงหน้าหนาวของทุกๆปี ปีนี้ก็ยังไปอยู่ค่ะ
ทุกๆปีที่ไป ก็จะมีอะไรๆไม่เหมือนเดิม โดยเฉพาะส่วนของสวนดอกไม้ และกิจกรรมต่างๆในดาษดา
ธีมการจัดสวนปีนี้คือ Once Flower Upon A Time จัดเป็นแบบนิทาน แนวๆ Alice in Wonderland
น้องพริมก็เลยแปลงโฉมเป็นอลิซท่องดินแดนดอกไม้มหัศจรรย์ค่ะ
เราไปถึงดาษดากันเที่ยงๆของวันเสาร์ ระหว่างรอเข้าห้องพัก ก็ไปทานกลางวันกันที่ห้องอาหาร Bloom กันก่อนค่ะ
เมนูมื้อนี้ ก็มียำดอกไม้ทอดกรอบ ไข่เจียวเสด็จพ่อ (ไข่เจียวกรอบๆ ฟูๆ ใส่กุ้งและผักหลายชนิด) และอื่นๆอีกมากมาย
ที่ขาดไม่ได้คือน้ำลิ้นจี่มินต์ปั่น แม่ชอบมากๆ มาที่นี่ทีไร ต้องสั่งทุกครั้ง หอมหวาน ชื่นใจค่ะ
ทานกลางวันเสร็จ ก็ไปต่อกันที่ลานกิจกรรม น้องพริมอยากขับ ATM มากๆ
แต่ยังไม่สามารถนะคะ ต้องให้ปะป๊าขับ แล้วพริมซ้อนท้าย แค่นี้ก็ฟินมากๆแล้ว
รูปนี้แค่ขอทำท่าขับเฉยๆค่ะ อีกหลายปีกว่าจะปล่อยให้ขับเองได้
พอบ่ายสอง ได้เวลาเช็คอิน เราก็กลับมาที่ล้อบบี้เพื่อรับกุญแจห้อง
แค่ล้อบบี้ก็มีมุมดอกไม้สวยๆ ให้ถ่ายรูปแล้วค่ะ
ห้องที่เราพักคราวนี้ เป็นห้องแบบวิลล่า โซนวิลล่าจะอยู่ล้อมรอบสระบัว บรรยากาศดีมากๆค่ะ
และที่พิเศษกว่านั้นคือ ห้องเราเป็น Pool Villa มีสระว่ายน้ำส่วนตัว มีเรือนกระจกด้านหน้าเอาไว้นั่งเล่น
มีห้องสองห้องที่เชื่อมต่อกันด้วยระเบียงหลังที่นั่งสบายมากๆ ค่ะ มาพักครั้งนี้ฟินสุดๆเลยค่ะ
ภายในห้องนอนตกแต่งสวยงามเรียบขรึม แต่ที่ฟินกว่าคือห้องน้ำและระเบียง
ห้องน้ำกว้างมากๆ อ่างอาบน้ำใหญ่จริงๆ ปะป๊าลงไปแช่กับพริมเหลือๆเลยค่ะ แถมมีเกลือขัดผิวให้ด้วย แม่ชอบมากๆค่ะ
ส่วนของ shower ก็จะมีทั้งที่อ่างอาบน้ำและ Outdoor นะคะ แต่พอค่ำๆ นี่จะออกไปอาบข้างนอกไม่ไหวค่ะ เย็นไปนิด ^^
ระเบียงนี้คือที่สุด แม่ชอบมากๆ นั่งเล่น นอนเล่นสบาย ชมวิวสระบัว
ตรงนี้เป็นระบบปิด มีกระจกกั้น มีแอร์ด้วย ไม่ต้องกลัวยุงเลยค่ะ
น้องพริมเล่นน้ำที่ห้อง ทั้งที่สระว่ายน้ำ และอ่างอาบน้ำจนเย็นๆ เราก็เตรียมตัวไปทานมื้อเย็น ดูน้ำพุเต้นระบำ ดูอุโมงค์ไฟ และฟรีคอนเสิร์ตพี่ว่าน ธนกฤตกัน
มื้อเย็นก็ยังฝากท้องที่ Bloom เหมือนเดิม เพราะสะดวกที่สุดแล้วค่ะ อาหารก็อร่อยด้วย
อิ่มแล้ว ไปดูน้ำพุกันค่ะ
แต่ละปีที่มาดู เค้าจะเปลี่ยนเพลง และจังหวะการเต้นระบำของน้ำพุไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกันนะคะ
ทีแรกว่าจะดูแค่แป๊บเดียว เพราะเคยดูแล้ว แต่พอไปนั่งดู ก็เพลินยาวจนจบเลยค่ะ
น้ำพุจบ ก็เดินมาต่อที่อุโมงค์ไฟค่ะ อุโมงค์ไฟนี่ก็เช่นกันค่ะ คือแต่ละปีจะไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนแบบไปเรื่อยๆ
ใครที่มาทุกปีแบบเด็กจิ๋ว จะได้ไม่เบื่อค่ะ
รายการสุดท้ายของคืนนี้คือฟรีคอนเสิร์ตพี่ว่าน
จริงๆตอนหัวค่ำมีปราโมทย์ ปาทานด้วย แต่ว่าเราเลือกไปดูน้ำพุ เลยไม่ได้ดูโอ๊ต ปราโมทย์ค่ะ
ตอนเช้าเราตื่นแต่เช้า ไปเดินเล่นแถวๆทุ่งดาษดา และเนินเทวดา วิวงามเหมือนเดิม
เสร็จแล้วก็มาทานอาหารเช้าที่ห้องอาหาร Makara เช้าๆ อากาศดี สบายมากๆเลยค่ะ
สายๆ เก็บข้าวของเช็คเอาท์แล้ว เราก็ไปเดินเที่ยวในส่วนของ Dasada Gallery ค่ะ
สำหรับแขกที่มาพักโรงแรม จะได้สิทธิ์เข้าชมสวนดอกไม้ น้ำพุ และอุโมงค์ไฟฟรีนะคะ ไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่มแล้ว
ด้านหน้าทางเข้า Gallery สาวน้อย Alice ก็มาเจอกับแค้กก้อนใหญ่ยักษ์เลยค่ะ
ด้านในมีมุมน่ารักๆ ให้โพสต์ท่าถ่ายรูปมากมาย ดอกไม้เด่นๆ ก็ยังคงเป็นฟาแลนหลากหลายพันธุ์
ดอกไม้แน่นๆ สดๆ สวยงามมากจริงๆค่ะ ที่นี่เค้าจะมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล เปลี่ยนดอกไม้ที่เฉา หรือช้ำออกทุกๆวัน
ฉะนั้นคนที่ไปดูดอกไม้ในช่วงงาน ไม่ว่าจะไปวันไหน ดอกไม้ก็จะสวยสดทุกๆวันเลยค่ะ
ส่วนของ Secret Garden ก็จัดดอกไม้สวยงามเช่นเดิม มีการแสดงแสง สี ประกอบเพลงด้วย
ทั้งฉาก เนื้อเรื่อง และเพลง ก็เปลี่ยนจากปีก่อนค่ะ ดูเพลินๆ
พื้นที่ตรงกลางระหว่าง Gallery หลัก และส่วนของ Secret Garden เค้าจัดแสดงต้นไม้ใบเขียวๆ สบายตา สบายใจมากๆค่ะ
เที่ยวเสร็จแล้ว ก็ต้องไม่ลืมแวะหม่ำไอติมที่ Dasada Café ค่ะ
แม่ชอบไอติมรส Pink Calendiva มากที่สุด สั่งทุกครั้งที่มา
เป็นไอติมรสสตรอเบอรี่ลิ้นจี่ที่มีเนื้อผลไม้ผสมอยู่ด้วย อร่อยมากๆค่ะ
จบทริปดาษดา 2 วัน 1 คืนอย่างมีความสุขค่ะ ดอกไม้ ต้นไม้ สามารถชาร์จพลังให้เราได้ดีจริงๆค่ะ
ใครอยากไปรับพลังสดชื่น ก็ใกล้ๆกรุงเทพแค่นี้เองค่ะ ดาษดา ปราจีนบุรี
สำหรับดอกไม้สวยๆ ธีม Once Flower Upon A Time นี้จะจัดแสดงถึงแค่สิ้นเดือนกุมภาพันธ์เท่านั้นนะคะ
ไม่ได้ไปพักที่รีสอร์ท ก็สามารถซื้อบัตรเข้าชมได้ทุกส่วนค่ะ ทั้งดอกไม้ น้ำพุ และอุโมงค์ไฟ
เจอกันใหม่ปีหน้านะคะดาษดา