พักจากใบไม้เหลืองใบไม้แดงที่โตเกียวเกียวโตเมื่อสองตอนที่แล้วมาเที่ยวภูเขากันบ้างนะคะ
รีวิวตอนนี้จะพาไปเที่ยวทะเลสาบคาวากูชิโกะค่ะ
ที่ใครๆเค้าว่ากันว่าภูเขาไฟฟูจิ เป็นภูเขาไฟขี้อาย ไม่ออกมาให้ใครๆเห็นได้ง่ายๆ เห็นจะเป็นจริงนะคะ
เพราะปะป๊ากับแม่มาญี่ปุ่นหลายรอบ ได้เห็นฟูจิซังแว้บๆ ตอนนั่งรถไฟผ่านแค่นั้น นอกนั้นที่ตั้งใจไปดู ไม่เคยเห็นชัดๆซักครั้งเลยค่ะ
ที่หนักที่สุดคือเคยมาเที่ยวคาวากูชิโกะแล้วหาฟูจิซังไม่เจอค่ะ มองไม่เห็นแม้แต่เงา
มาทริปนี้เราก็เลยอยากมาเจอฟูจิซังให้ได้ เพราะอ่านข้อมูลมาแล้วว่าเดือนพฤศจิกายน โอกาสมองเห็นภูเขาไปขี้อายลูกนี้ค่อนข้างสูง
บวกกับได้มีโอกาสอ่านรีวิวที่พักริมทะเลสาบคาวากูชิโกะ มองเห็นวิวฟูจิซังจากห้องนอนเลย เลยอยากมีโอกาสแบบนั้นบ้างสักครั้งในชีวิตค่ะ
ที่พักที่ว่านี้ชื่อว่า Sunnide Resort ค่ะ พอเห็นราคาห้องแบบที่เราอยากไปนอนก็ถึงกับสลบแพร๊บค่ะ
ตัดสินใจกันเป็นอาทิตย์ๆค่ะ ว่าจะจองดีมั้ย พอจองแล้วก็ดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้า ดู live cam แทบทุกวัน
กะว่าถ้าพายุเข้า หรือมีแนวโน้มจะไม่เห็นฟูจิซัง ก็คงยกเลิกคาวากูชิโกะออกจากแผนค่ะ
แต่ในที่สุดเราก็โชคดี ครั้งนี้ได้เจอหน้าฟูจิซังแบบเต็มๆ ทั้งวันเลยค่ะ ดีใจเป็นที่สุดค่ะ
มาค่ะ…ไปชมภูเขาไฟขี้อายด้วยกันค่ะ
เราออกจากที่พักที่แถวๆสถานีรถไฟ Nagoya ตั้งแต่หกโมงเช้า มาถึงสถานีรถไฟ Kawaguchiko ราวๆสิบโมงกว่า
พอรถไฟใกล้ถึงที่หมาย ก็เริ่มมองเห็นภูเขาไฟฟูจิมาแต่ไกล ทุกคนในรถไฟรวมทั้งชาวญี่ปุ่นเองก็ตื่นเต้นกันมากๆค่ะ
ถ่ายรูปกันรัวๆเลยค่ะ ก็วันนี้ฟ้าใสกิ๊ก เห็นภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มๆเลยค่ะ
อย่างที่บอกนะคะ เราอ่านข้อมูลมาว่าตลอดทั้งปีจะมี 3-4 เดือนที่มีโอกาสมองเห็นสูงสุด คือ พย-กพ ค่ะ
ข้อมูลตามนี้เลยค่ะ http://tokyofromtheinside.com/tips-for-viewing-mount-fuji-visibility-weather-and-live-cameras/
รูปนี้จากบนรถไฟค่ะ
มาถึงแล้วค่ะสถานีคาวากูชิโกะ รถไฟที่เรานั่งมาน่ารักมั้ยคะ
รถไฟที่จะมาที่สถานี Kawaguchiko เป็นรถไฟ Fujikyu Railway ซึ่ง JR Pass ไม่ครอบคลุมนะคะ คนละบริษัทกัน ต้องซื้อตั๋วต่างหาก
คือเราใช้ JR Pass นั่งรถไฟมาลงที่สถานี Otsuki แล้วซื้อตั๋วรถไฟ Fujikyu Railway ที่สถานีนี้ค่ะ ราคา 1140 เยนต่อคนต่อเที่ยว
แต่ว่าถ้าใครเดินทางวันเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุด สามารถนั่ง Narita Express มาได้นะคะ (ใช้ JR Pass ได้)
แต่ก็มีแค่วันละ 1 รอบเองค่ะ ดูตารางเวลาได้ที่นี่นะคะ
http://www.eki-net.com/pc/jreast-shinkansen-reservation/english/wb/common/timetable/e_nex_u/index.html
มองเห็นฟูจิซังชัดๆจากสถานีเลยค่ะ
วิดีโอการเดินทางจาก Nagoya มา Kawaguchiko
จากสถานีรถไฟ เรานั่งรถเมล์มาลงที่ Sunnide Resort เพื่อเอาของมาฝากไว้ก่อน เพราะยังไม่ถึงเวลาเช็คอินนะคะ
ฟ้าวันนี้ใสจริงๆ แดดแรงๆ แต่อากาศก็เย็นมากๆค่ะ
วิวจากล้อบบี้โรงแรม แจ่มมากๆค่ะ
ฝากของเรียบร้อย เราก็ไปเดินเล่นรอบๆทะเลสาบกันค่ะ
ข้ามถนนตรงหน้าโรงแรมมาก็เจอวิวนี้เลยค่ะ หยุดถ่ายรูปกันเพลินๆ ฟูจิซังเต็มตามากๆ
เรากะว่าจากตรงหน้าโรงแรมจะค่อยๆเดินชมวิวเลาะไปรอบๆทะเลสาบ
ไปจนถึงจุดที่เรียกว่า Kawaguchiko Natural Living Center คือตรงรถเมล์ป้ายที่ 21 ค่ะ
ระยะทางไม่ไกลนะคะ มีทางเดินอย่างดี แต่ว่าใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะหยุดถ่ายรูปกันตลอดๆ
รอบๆ ทะเลสาบก็จะมีเมเปิ้ลแดงขึ้นอยู่เป็นระยะ ได้รูปฟูจิซังคู่เมเปิ้ลแดง เป็นมุมแบบที่เคยเห็นในเวปเลย ฟินอ่ะ
คือก่อนมานี่เรากังวลมากๆ กลัวฟ้าปิด กลัวไม่ได้เห็นฟูจิซังอีก แต่เจอแบบนี้ก็สุดๆเลยค่ะ
ฟ้าใสขนาดนี้ นึกไม่ออกเลยว่าพรุ่งนี้ฟ้าจะปิดได้ยังไง เพราะเราดูพยากรณ์มาบอกว่าจะใสๆ เฉพาะวันนี้
ฉะนั้นวันนี้ต้องซึมซับเก็บเกี่ยววิวนี้ให้เต็มที่ เพราะถ้าพรุ่งนี้ฟ้าปิดจริงจะได้เต็มอิ่มแล้วอ่ะค่ะ
เดินมาเรื่อยๆ ใกล้ถึงจุดหมายแล้วค่ะ เด็กจิ๋วเจอสวนสาธารณะมีของเล่นเด็กด้วย แวะเล่นแป๊บนึงค่ะ
กินลูกพลับหวานๆ ชมวิวฟูจิซัง เล่นของเล่นด้วย เด็กแฮปปี้สุดๆค่ะ
มาถึงจุดหมายแล้วค่ะ ตรงนี้ถ้าหน้าร้อน ช่วงเดินกรกฎาคม ลาเวนเดอร์จะบานนะคะ
จะได้วิวลาเวนเดอร์ริมเลค มีฉากหลังเป็นฟูจิซัง ก็สวยงามมากๆค่ะ แต่ตอนนี้มีแต่ใบค่ะ
แม่กับน้องพริมแวะกันตรงนี้แป๊บค่ะ มีร้านขายของที่ระลึก และขายไอติมด้วย นั่งชิลล์กันอยู่นาน
เด็กได้เพื่อนใหม่มาตัวนึงด้วย ชื่อว่าน้องฟูจิซัง
ส่วนปะป๊าเดินไปถ่ายรูปต่อค่ะ เดินต่อไปหน่อยก็เป็นแนวต้นโคเคียะ (Kokia) หรือต้นหัวไม้กวาดแดง
เค้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดๆช่วงเดือนตุลาคมค่ะ ตอนเรามา กลายเป็นสีน้ำตาลหมดแล้ว
วิดีโอเดินเที่ยวริมทะเลสาบคาวากูชิโกะ
เสร็จจากชมวิวริมเลค เราก็นั่งรถเมล์กลับมาที่ป้ายที่ 16 เพื่อไปดู Maple Corridor กันค่ะ
แถวๆนี้คนเยอะมาก มีงานออกร้านขายของด้วย และตอนกลางคืนเค้าก็จะมี Light Up เปิดไฟสวยงาม
ตรงจุดนี้ที่เรียกว่า Maple Corridor เป็นแนวร่องระบายน้ำที่มีต้นเมเปิ้ลต้นโตๆปลูกเรียงรายสองฝั่งของร่องระบายน้ำ
เวลาฤดูใบไม่เปลี่ยนสีมาเยือน ตรงนี้เลยสวยงามมากๆ ทุกปีเค้าก็จัดงานออกร้านขายของ ผู้คนก็เดินทางมาเที่ยวมากมายค่ะ
เมเปิ้ลแถวนี้ต้นโตๆ ทั้งนั้นค่ะเด็กถ่ายรูปด้วยยากหน่อย ต้องอุ้ม หรือไม่ก็มุมเงยค่ะ
อย่างที่บอกว่าตอนกลางคืนเค้าจะมีเปิดไฟส่องต้นเมเปิ้ลแดงด้วย เราก็ตั้งใจว่าคืนนี้จะออกมาเดินดู
แต่ในที่สุดก็ไม่ได้มานะคะ อยากอยู่ที่ห้องกันมากกว่าค่ะ
เคยเห็นจากในรูป ตอนกลางคืนก็สวยมากนะคะ ถ้าใครขยันๆ ตอนกลางคืนออกมาเดินก็น่าจะดีค่ะ
วิดีโอชมเมเปิ้ลแดงที่ Maple Corridor
เราเดินเล่นกันอยู่แถวๆ Maple Corridor กันนานพอควร ทีแรกว่าจะไปโรงแรมแล้ว แต่กลับเดินมาริมเลคอีก
อยู่กันจนพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้วค่ะ ก็วิวสวยๆแบบนี้ ตัดใจทิ้งไปยากหน่อยค่ะ
จริงๆควรจะไปเช็คอินที่โรงแรมได้แล้ว เพราะห้องก็ราคาแพงหูฉี่ขนาดนั้น
ควรอยู่ให้คุ้มๆหน่อย แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังอ้อยอิ่งกันอยู่ริมเลคอยู่นั่น
ถ่ายรูปกันอยู่สักพักก็ตัดใจรีบกลับมาโรงแรมมาเก็ยแสงสุดท้ายกันที่ Sunnide ดีกว่าค่ะ
เดินมุดอุโมงค์มา ตื่นเต้นมากๆค่ะ ในอุโมงค์มีทางให้เดินก็จริง แต่เสียงรถดัง แถมทางยังโค้งๆ น่ากลัวค่ะ
เดินไม่นานก็มาถึงหน้าโรงแรมค่ะ แสงกำลังสวยเลยค่ะ
เรารีบเช็คอินแล้วไปที่ห้องเลยค่ะ ปะป๊ารีบสุดขีดมากๆ กลัวไม่ได้แสงสวยๆจากบนห้อง
ตรงนี้เป็นล้อบบี้ค่ะ เฟอร์นิเจอร์เรียบง่ายมากๆ
ในที่สุดก็มาถึงแล้วค่ะ ห้องของเรา สวยที่สุด งามมากๆ คุ้มค่ากับการรอคอยจริงๆค่ะ
วิวจากระเบียงห้อง ได้แบบนี้เลยค่ะ
ส่วนที่เป็นไฮไลต์ของห้องนี้ก็คืออันนี้ค่ะ …ออนเซ็นส่วนตัว แช่ไปชมวิวฟูจิซังไป ฟินสุดๆค่ะ
ถ้าหนาวก็ปิดประตูได้นะคะ มีบ้านเฟี้ยมกระจกล้อมรอบส่วนออนเซ็นค่ะ
ขยับเข้ามาดูในห้องกันบ้างนะคะ เริ่มจากส่วนห้องน้ำค่ะ ก็นั่งอาบกันจะจะตรงนี้เลยค่ะ
ส่วนอ่างล้างหน้าจะอยู่ด้านในอีกที
ส่วนของห้องสุขาจะแยกไปอยู่อีกโซนเลยค่ะ เป็นชักโครกอัตโนมัติมากๆ
แค่เดินเข้าไปก็จะเปิดฝาชักโครกให้เองดเลยค่ะ จุดนี้เด็กจิ๋วชอบมากๆ
ส่วนห้องนั่งเล่นกว้างขวางมากๆ มีเก้าอี้นวดไฟฟ้าให้ด้วย เด็กจิ๋วใช้บริการเก้าอี้นี้เพลินเลยค่ะ
ส่วนของห้องนอนอยู่ถัดจากห้องนั่งเล่นมาค่ะ มีบานเลื่อนกั้นปิดเป็นสัดส่วน
ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว ปะป๊าก็ยังคงเก็บภาพฟูจิซังเรื่อยๆ เอาให้คุ้มที่อุตส่าห์ได้เห็นชัดขนาดนี้
พยากรณ์อากาศบอกว่าวันพรุ่งนี้ฟ้าปิด โอกาสเห็นฟูจิซังน้อยมากๆค่ะ
เราพากันเดินลงไปสำรวจออนเซ็นส่วนกลางบ้างค่ะ แยกกันไป แม่กับเด็กจิ๋วไปบ่อผู้หญิง ปะป๊าไปบ่อผู้ชาย
แม่ไม่มีกล้อง เลยไม่ได้ถ่ายห้องผู้หญิงมาค่ะ
อันนี้บรรยากาศห้องออนเซ็นผู้ชายนะคะ
เดินออกมาพบว่าฟูจิซังเริ่มจางลงทุกทีๆ
ถึงเวลาอาหารเย็นแล้วค่ะ เราไม่ได้จองอาหารเย็นมาตั้งแต่ตอนจองห้อง เพิ่งจะมาจองเอาตอนเช็คอินนี่แหละค่ะ
เราก็เลือกอาหารชุด Western ซึ่งราคาถูกสุดค่ะ แต่คิดว่าไม่อร่อยเลย แอบอิจฉาโต๊ะอื่นที่ทานชุดญี่ปุ่นครบเซ็ทอลังการมากๆ
อิ่มแล้วก็ขึ้นห้องไปแช่ออนเซ็นกัน มืดตึ๊ดตื๋อมองไม่เห็นฟูจิซังแล้ว พรุ่งนี้เช้าหวังว่าคงจะได้เจอกันอีก
ตื่นเช้ามายังคงเห็นฟูจิซังอยู่นะคะ แต่มีเมฆปื้นใหญ่มาบังยอดเอาไว้
ปะป๊าเดินลงไปถ่ายรูปริมเลค ส่วนแม่ก็ขอนั่งชิลล์ชมวิวที่ระเบียงดีกว่าค่ะ ส่วนเด็ก ไม่ตื่นตามเคยค่ะ
เด็กจิ๋วตื่นแล้ว ขอแช่ออนเซ็นแต่เช้า เสียดายฟูจิซังเริ่มโดนเมฆมาบังซะแล้ว
เราเก็บข้าวของเตรียมเช็คเอาท์แล้วก็ไปทานข้าวเช้ากันค่ะ
เราเฉยๆกับอาหารนะคะ ก็ดูเยอะดี แต่ไม่ค่อยถูกปากเท่าไหร่ค่ะ
สายวันนี้อากาศต่างจากเมื่อวานมากๆ เมฆหมอกเต็มไปหมด ตอนเรากลับออกมา ที่สถานีรถไฟมองแทบจะไม่เห็นฟูจิซังแล้ว
แล้วบ่ายนั้นฝนก็ตกค่ะ เป็นไปตามพยากรณ์อากาศเลยค่ะ
แค่นี้ก็ถือว่าโชคดีมากๆแล้วที่ได้เห็นภูเขาไฟฟูจิเต็มๆแบบนี้ ถึงแม้จะแค่วันเดียวก็ตามค่ะ
วิดีโอน้องพริมเล่นเก้าอี้นวด แช่ออนเซ็น ทานอาหารเช้าที่ Sunnide
ขอบคุณที่แวะเข้ามาชมฟูจิซังด้วยกันนะคะ แล้วพบกันใหม่ค่ะ