เด็กจิ๋วพาไปเก็บสตรอเบอรี่ หม่ำไม่อั้น ที่ชิบะ

ใกล้จะปิดเทอมใหญ่กันแล้วนะคะ ซึ่งก็แปลว่าฤดูท่องเที่ยวของครอบครัวมาถึงแล้ว
หนึ่งในจุดหมายยอดนิยมในช่วงเดือนมีนาคม เมษายน ก็คือญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ
ญี่ปุ่นมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเยอะแยะมากมายจริงๆ
ครอบครัวเราไปญี่ปุ่นมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังคงมีจุดหมายที่ยังไม่เคยไปและอยากจะไปอีกมากมาย
เมื่อปลายมีนาคม-ต้นเมษายน ปีก่อน แม่พาน้องพริมไปดูซากุระที่โตเกียวค่ะ
แต่อกหัก ซากุระไม่ยอมบานตามกำหนด เพราะอยู่ดีๆ อากาศก็เย็นจัดขึ้นมาซะยังงั้น
ไม่เป็นไรค่ะ..เราเปลี่ยนแผนจากชมซากุระ ไปหม่ำสตรอเบอรี่กันแทน

ฟาร์มสตรอเบอรี่ที่เราไปอยู่ที่ Chiba ห่างจาก Tokyo ราวๆชั่วโมงกว่าค่ะ
ฟาร์มแรกที่เราไป ชื่อว่า Dragon Farm เป็นแบบให้หม่ำได้ไม่อั้น แต่จำกัดระยะเวลา 30 นาที
และเนื่องจากมีการกำหนดเวลา พวกเราจึงยังไม่สะใจ อีกสามวันเลยกลับมา Chiba ใหม่
คราวนี้ไปที่ Kawatsura Farm ซึ่งเป็นแบบหม่ำได้ไม่อั้น และไม่จำกัดเวลาด้วย ฟินสุดยอดจริงๆค่ะ

| Dragon Farm |
การเดินทาง: ลงรถไฟสถานี JR Tsuga แล้วนั่ง Taxi มาที่ฟาร์ม ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที ราคาประมาณ 1700 เยน
เปิดให้ Check in 09.00 น. และเริ่มให้เข้าเก็บสตรอเบอรี่ 10.00 น.
Tips: ควรไปถึงฟาร์มก่อน 9.00 น. เพื่อไปเข้าคิวเช็คอินจ่ายเงิน รับบัตรเข้าฟาร์ม เพราะถ้าไปสาย แล้ววันนั้นคนเยอะ เต็มโควตาแล้ว เค้าก็จะปิดไม่ให้เข้าแล้วนะคะ เพราะถึงปล่อยเข้าไป ก็จะไม่มีสตรอเบอรี่ให้เก็บอยู่ดี เพราะโดนเก็บไปหมดแล้วนั่นเองค่ะ
และก่อนเดินทางไปฟาร์ม ควรเช็คข้อมูลวันที่เปิด-ปิดจาก Website หรือ Facebook ของฟาร์มด้วยนะคะ เพราะบางวันเค้าจะปิดค่ะ ซึ่งอาจจะเนื่องด้วยพายุเข้า ฝนกระหน่ำ หิมะถล่ม หรือเป็นวันที่สตรอเบอรี่โตไม่ทันให้เก็บค่ะ
https://www.facebook.com/15japan/
http://www.dragon-farm.com/
เราออกเดินทางจากที่พักแถวๆ Ueno กันตั้งแต่เช้าตรู่ กะให้ไปถึงฟาร์มเช้าๆ เพื่อจะได้แน่ใจว่าจะได้เข้าฟาร์มแน่ๆ
เรามาถึงฟาร์มราวๆ 8.30 น. เราก็นึกว่าเห่อมาเช้าแล้ว แต่มีคนมาก่อนเราเต็มไปหมดเลย รีบเข้าแถว แล้วรอเวลาเปิดเช็คอินค่ะ
ระหว่างนี้ก็สำรวจรอบๆ เจอป้ายต่างๆเป็นภาษาไทยเต็มไปหมด แสดงว่าคนไทยมาที่นี่เยอะจริงๆค่ะ
ราคาค่าเข้าของช่วงที่เราไปจะอยู่ที่คนละ 2000 เยนสำหรับผู้ใหญ่ และเด็กอายุ 6 ขวบขึ้นไปค่ะ
(ราคาของแต่ละเดือนไม่เท่ากัน เช็คราคาได้ที่ Website หรือ Facebook ของฟาร์มนะคะ)
และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง…
รับถาดพลาสติก เลือกนมข้นหวาน หรือช๊อคโกแลต แล้วลุยเลยค่ะ

สตรอเบอรี่ที่นี่มีหลากหลายสายพันธุ์มากๆ บางชนิดหวานหอม บางชนิดมีอมเปรี้ยวนิดๆ บางชนิดกรอบ บางชนิดนิ่ม

มีพันธุ์สีขาวด้วย ถ้าลูกโตสีขาวแล้วเมล็ดแดง แปลว่าสุกทานได้แล้วนะคะ

ที่นี่เค้าปลูกบนกระบะที่ยกพื้นสูงเท่าหัวเด็กจิ๋วพอดี เด็กเก็บง่ายดายสะดวกมากๆค่ะ

 

แต่จะให้ระบุว่าพันธุ์ไหนเป็นยังไง แม่จำไม่ได้จริงๆค่ะ เดินชิมไปมาจนมึนไปหมดเลยค่ะ
เผลอแป๊บๆ ก็หมดเวลา 30 นาทีแล้ว เราทำสถิติกันได้ดีพอควร เพราะหม่ำกันไปเยอะมากๆค่ะ
ออกมาด้านหน้า ทางฟาร์มให้มารับมันเผาได้คนละ 1 ชิ้น
ขอบอกว่าเป็นมันเผาที่อร่อยมากๆ หอมหวานสุดๆ เป็นมันเผาที่อร่อยสุดเท่าที่เคยกินเลยค่ะ

วิดีโอน้องพริมพาไปเก็บสตรอเบอรี่ที่ Dragon Farm

|Kawatsura Farm|
การเดินทาง: ลงรถไฟสถานี JR Naruto แล้วนั่ง Taxi มาที่ฟาร์ม ใช้เวลาประมาณ 5 นาที ราคาประมาณ 1100 เยน
เปิดให้ Check in 09.20 น. และเริ่มให้เข้าเก็บสตรอเบอรี่ 10.00 น.
Tips: ควรไปถึงฟาร์มก่อน 9.00 น. เพื่อไปรับบัตรคิวเพื่อจ่ายเงิน รับบัตรเข้าฟาร์ม เพราะถ้าไปสาย แล้ววันนั้นคนเยอะ เต็มโควตาแล้ว เค้าก็จะปิดไม่ให้เข้าแล้วนะคะ เพราะถึงปล่อยเข้าไป ก็จะไม่มีสตรอเบอรี่ให้เก็บอยู่ดี เพราะโดนเก็บไปหมดแล้วนั่นเองค่ะ
และก่อนเดินทางไปฟาร์ม ควรเช็คข้อมูลวันที่เปิด-ปิดจาก Website หรือ Facebook ของฟาร์มด้วยนะคะ เพราะบางวันเค้าจะปิดค่ะ ซึ่งอาจจะเนื่องด้วยพายุเข้า ฝนกระหน่ำ หิมะถล่ม หรือเป็นวันที่สตรอเบอรี่โตไม่ทันให้เก็บค่ะ
http://www.kawatsura15.com/e/index.html

ความตั้งใจแต่แรกของทริปนี้ คือมาเก็บสตรอเบอรี่ที่ Kawatsura Farm
เราเลือกที่นี่เพราะเหตุผลง่ายๆคือ ไม่มีจำกัดเวลาในการเก็บสตรอเบอรี่
แต่ช่วงนั้นอากาศแถวชิบะไม่ดีเลย มีฝนตกหนักหลายวันติด ทางฟาร์มก็เลยปิดทำการไปหลายวัน
เราเลยไปที่ Dragon Farm ก่อน (ซึ่งข้อดีของ Dragon Farm คือมีสตรอเบอรี่หลากหลายพันธุ์มากๆ มีสีขาวด้วย)
พอฟาร์มเปิดทำการ ก็เลยขอกลับมาที่ชิบะอีกรอบ
คราวนี้เรานั่งรถไฟจาก Ueno มาลงที่สถานี Naruto แล้วต่อ Taxi อีก 5 นาที ราคา 1100 เยน
มาถึงก็รับบัตรคิวก่อน แล้วไปเดินเล่นดูแมว ดูกระต่าย ดูดอกไม้ได้
ที่นี่มีดอกป๊อปปี้ให้ตัดด้วย ราคาดอกละ 100 เยนค่ะ สีสวยมากๆ

พอใกล้เวลา เค้าจะเรียกเราไปจ่ายเงิน ซึ่งที่นี่ถูกม๊าก…คนละ 1100 เยนเท่านั้น

ที่นี่มีหลายโรงเรือน เจ้าหน้าที่จะพาเราไปชี้ว่าโรงเรือนไหนเข้าเก็บได้บ้าง จะมีสัญลักษณ์บอกอยู่
โรงเรือนแรกที่เข้าไป จะเป็นแบบปลูกที่พื้น เวลาเก็บจะลำบากกว่าแบบกระบะสูงนิดหน่อยค่ะ

สตรอเบอรี่ที่นี่ลูกโตอย่างมาก และอร่อยมากมายจริงๆ

ลูกโตมากๆ เทียบกับมือน้องพริม

เห็นห้อยแดงๆแบบนี้ พอเวลาผ่านไปชั่วโมงกว่า หายเรียบเลยนะคะ
มิน่าทางฟาร์มถึงจำกัดจำนวนคนต่อวัน เพราะเค้าไม่อยากให้เข้าไปแล้วไม่มีให้เก็บ

วันที่มาที่ Kawatsura อากาศหนาวเย็นมากๆ
สตรอเบอรี่ที่เก็บก็จะเย็นๆ กัดไปแล้วฟิน อร่อยมากๆค่ะ
พ่อลูกกินกันไปเกินคุ้มมากๆ ค่ะ

สักพักเราก็ย้ายโรงเรือนค่ะ อันนี้เป็นแบบปลูกในกระบะยกสูง
น่าจะคนละสายพันธุ์ จำไม่ได้เลยค่ะ รู้แต่ว่าอร่อยทั้งหมด อร่อยคนละแบบ
แค่สตรอเบอรี่ที่สุกคาต้น แล้วเด็ดกินสดๆ คือสุดยอดแล้ว พันธุ์ไหนก็ได้ค่ะ


แต่ละพันธุ์รูปร่างไม่เหมือนกัน รสชาติและรสสัมผัสต่างกัน แต่อร่อยทุกพันธุ์เลยค่ะ

ยืนยันความอร่อยด้วยร่องรอยบนหน้าเด็กค่ะ

เราอยู่ที่ Kawatsura กันราวๆ ชั่วโมงกว่า รู้สึกว่ากินสตรอเบอรี่กันอิ่มมากๆ
ด้วยราคาเท่านี้ คุณภาพสตรอเบอรี่แบบนี้ ถือว่าดีงามสุดๆค่ะ
ขากลับเรารบกวนให้ทางฟาร์มโทรศัพท์เรียกรถ Taxi มารับ แต่ทางฟาร์มบอกว่าไม่ต้อง เค้าขับรถมาส่งเราถึงสถานี Naruto เลย ใจดีมากๆ
ถ้าเราได้ไปแถวนั้นอีกในช่วงฤดูกาลสตรอเบอรี่ จะกลับไป Kawatsura Farm อีกอย่างแน่นอนค่ะ

วิดีโอน้องพริมพาไปเก็บสตรอเบอรี่ที่ Kawatsura Farm